逐节对照
- พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย (ขจง) - โมเสสคือคนที่นำชาวอิสราเอลออกมา เขาทำสิ่งอัศจรรย์และปาฏิหาริย์ต่างๆในดินแดนอียิปต์ที่ทะเลแดง และในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งเป็นเวลาถึงสี่สิบปี
- 新标点和合本 - 这人领百姓出来,在埃及,在红海,在旷野,四十年间行了奇事神迹。
- 和合本2010(上帝版-简体) - 这人领以色列人出来,在埃及地,在红海,在旷野的四十年间行了奇事神迹。
- 和合本2010(神版-简体) - 这人领以色列人出来,在埃及地,在红海,在旷野的四十年间行了奇事神迹。
- 当代译本 - 摩西带领以色列人出埃及,过红海,越旷野,四十年间行了许多神迹奇事。
- 圣经新译本 - 这人领他们出来,并且在埃及地、红海和旷野,行奇事神迹四十年。
- 中文标准译本 - 这个人带领以色列子民出来,在埃及地、在红海,并且在旷野的四十年间,行了奇事和神迹。
- 现代标点和合本 - 这人领百姓出来,在埃及,在红海,在旷野四十年间,行了奇事神迹。
- 和合本(拼音版) - 这人领百姓出来,在埃及,在红海,在旷野,四十年间行了奇事神迹。
- New International Version - He led them out of Egypt and performed wonders and signs in Egypt, at the Red Sea and for forty years in the wilderness.
- New International Reader's Version - So Moses led them out of Egypt. He did wonders and signs in Egypt, at the Red Sea, and for 40 years in the desert.
- English Standard Version - This man led them out, performing wonders and signs in Egypt and at the Red Sea and in the wilderness for forty years.
- New Living Translation - And by means of many wonders and miraculous signs, he led them out of Egypt, through the Red Sea, and through the wilderness for forty years.
- Christian Standard Bible - This man led them out and performed wonders and signs in the land of Egypt, at the Red Sea, and in the wilderness for forty years.
- New American Standard Bible - This man led them out, performing wonders and signs in the land of Egypt and in the Red Sea, and in the wilderness for forty years.
- New King James Version - He brought them out, after he had shown wonders and signs in the land of Egypt, and in the Red Sea, and in the wilderness forty years.
- Amplified Bible - This man led them out [of Egypt] after performing wonders and signs in the land of Egypt and at the Red Sea and in the wilderness for forty years.
- American Standard Version - This man led them forth, having wrought wonders and signs in Egypt, and in the Red sea, and in the wilderness forty years.
- King James Version - He brought them out, after that he had shewed wonders and signs in the land of Egypt, and in the Red sea, and in the wilderness forty years.
- New English Translation - This man led them out, performing wonders and miraculous signs in the land of Egypt, at the Red Sea, and in the wilderness for forty years.
- World English Bible - This man led them out, having worked wonders and signs in Egypt, in the Red Sea, and in the wilderness for forty years.
- 新標點和合本 - 這人領百姓出來,在埃及,在紅海,在曠野,四十年間行了奇事神蹟。
- 和合本2010(上帝版-繁體) - 這人領以色列人出來,在埃及地,在紅海,在曠野的四十年間行了奇事神蹟。
- 和合本2010(神版-繁體) - 這人領以色列人出來,在埃及地,在紅海,在曠野的四十年間行了奇事神蹟。
- 當代譯本 - 摩西帶領以色列人出埃及,過紅海,越曠野,四十年間行了許多神蹟奇事。
- 聖經新譯本 - 這人領他們出來,並且在埃及地、紅海和曠野,行奇事神蹟四十年。
- 呂振中譯本 - 是這個人領族民出來,在 埃及 、在 紅海 、在野地、行了奇事神迹四十年。
- 中文標準譯本 - 這個人帶領以色列子民出來,在埃及地、在紅海,並且在曠野的四十年間,行了奇事和神蹟。
- 現代標點和合本 - 這人領百姓出來,在埃及,在紅海,在曠野四十年間,行了奇事神蹟。
- 文理和合譯本 - 彼率民出、行奇事異蹟於埃及 紅海、曠野、四十年、
- 文理委辦譯本 - 率民出其地、行奇事異跡於埃及、紅海、曠野、四十年、○
- 施約瑟淺文理新舊約聖經 - 彼率民出、行異跡奇事、在 伊及 、在紅海、在曠野、歷四十年、
- 吳經熊文理聖詠與新經全集 - 率眾而出於 埃及 、 紅海 與曠野之中、廣行靈異凡四十年者、即此 摩西 也。
- Nueva Versión Internacional - Él los sacó de Egipto haciendo prodigios y señales milagrosas tanto en la tierra de Egipto como en el Mar Rojo, y en el desierto durante cuarenta años.
- 현대인의 성경 - 그는 이집트에서 자기 백성을 인도해 내었으며 이집트와 홍해와 광야에서 40년 동안 놀라운 일과 기적을 행했습니다.
- Новый Русский Перевод - Моисей вывел их из Египта, совершая чудеса и знамения в Египте, у Красного моря и в пустыне на протяжении сорока лет.
- Восточный перевод - Муса вывел народ, совершая чудеса и знамения в Египте, у Красного моря и в пустыне на протяжении сорока лет.
- Восточный перевод, версия с «Аллахом» - Муса вывел народ, совершая чудеса и знамения в Египте, у Красного моря и в пустыне на протяжении сорока лет.
- Восточный перевод, версия для Таджикистана - Мусо вывел народ, совершая чудеса и знамения в Египте, у Красного моря и в пустыне на протяжении сорока лет.
- La Bible du Semeur 2015 - C’est lui qui les fit sortir d’Egypte en accomplissant des prodiges et des signes miraculeux dans ce pays, puis lors de la traversée de la mer Rouge et, pendant quarante ans, dans le désert.
- リビングバイブル - モーセは、数々の驚くべき奇跡によって、人々をエジプトから連れ出し、紅海を横断して、四十年にわたる荒野での生活を導きました。
- Nestle Aland 28 - οὗτος ἐξήγαγεν αὐτοὺς ποιήσας τέρατα καὶ σημεῖα ἐν γῇ Αἰγύπτῳ καὶ ἐν ἐρυθρᾷ θαλάσσῃ καὶ ἐν τῇ ἐρήμῳ ἔτη τεσσεράκοντα.
- unfoldingWord® Greek New Testament - οὗτος ἐξήγαγεν αὐτοὺς, ποιήσας τέρατα καὶ σημεῖα ἐν γῇ Αἰγύπτῳ, καὶ ἐν Ἐρυθρᾷ Θαλάσσῃ, καὶ ἐν τῇ ἐρήμῳ, ἔτη τεσσεράκοντα.
- Nova Versão Internacional - Ele os tirou de lá, fazendo maravilhas e sinais no Egito, no mar Vermelho e no deserto durante quarenta anos.
- Hoffnung für alle - und Mose führte das Volk aus Ägypten. Überall vollbrachte er Zeichen und Wunder: in Ägypten, am Roten Meer und während der vierzig Jahre in der Wüste.
- Kinh Thánh Hiện Đại - Chính Môi-se đã hướng dẫn họ ra khỏi Ai Cập, thực hiện nhiều phép lạ và việc diệu kỳ tại xứ Ai Cập, trên Biển Đỏ, trong hoang mạc suốt bốn mươi năm.
- พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย - โมเสสนำพวกเขาออกจากอียิปต์ และได้ทำหมายสำคัญและปาฏิหาริย์ต่างๆ ในอียิปต์ที่ทะเลแดง และตลอดสี่สิบปีในถิ่นทุรกันดาร
- พระคัมภีร์ ฉบับแปลใหม่ - โมเสสได้นำผู้คนออกไปจากประเทศอียิปต์ และกระทำสิ่งมหัศจรรย์ รวมทั้งปรากฏการณ์อัศจรรย์ในประเทศอียิปต์ ที่ทะเลแดงและในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลา 40 ปี
- Thai KJV - คนนี้แหละ เป็นผู้นำเขาทั้งหลายออกมา โดยที่ได้ทำการมหัศจรรย์และหมายสำคัญต่างๆในแผ่นดินอียิปต์ ที่ทะเลแดงและในถิ่นทุรกันดารสี่สิบปี
交叉引用
- กิจการ 13:18 - พระองค์อดทนกับพวกเขาในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งเป็นเวลาประมาณสี่สิบปี
- สดุดี 136:9 - พระองค์สร้างดวงจันทร์และดวงดาวทั้งหลายเพื่อให้ปกครองกลางคืน ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
- สดุดี 136:10 - ให้ขอบคุณพระองค์ผู้ฆ่าพวกลูกชายหัวปีของอียิปต์ ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
- สดุดี 136:11 - พระองค์ได้นำคนอิสราเอลออกจากอียิปต์นั้น ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
- สดุดี 136:12 - พระองค์ทำเรื่องนี้ด้วยมืออันทรงพลังและแขนที่เหยียดออกมา ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
- สดุดี 136:13 - ให้ขอบคุณพระองค์ผู้ที่แยกทะเลแดงออกเป็นสองส่วน ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
- สดุดี 136:14 - พระองค์นำอิสราเอลเดินผ่าไปกลางทะเลแดง ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
- สดุดี 136:15 - พระองค์เหวี่ยงฟาโรห์และกองทัพของเขาทิ้งไปในทะเลแดง ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
- สดุดี 136:16 - ให้ขอบคุณพระองค์ผู้นำคนของพระองค์ตอนอยู่ในทะเลทราย ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
- สดุดี 136:17 - ให้ขอบคุณพระองค์ผู้ปราบกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
- สดุดี 136:18 - พระองค์ฆ่าพวกกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
- สดุดี 136:19 - พระองค์ฆ่า สิโหน กษัตริย์ของคนอาโมไรต์ ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
- สดุดี 136:20 - และได้ฆ่าโอก กษัตริย์ของบาชาน ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
- สดุดี 136:21 - จากนั้น พระองค์ได้ยกแผ่นดินของกษัตริย์เหล่านั้นให้เป็นกรรมสิทธิ์ของอิสราเอล เพราะความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
- เฉลยธรรมบัญญัติ 6:21 - แล้วท่านจะได้ตอบกับลูกของท่านว่า ‘พวกเราเคยเป็นทาสของกษัตริย์ฟาโรห์ในประเทศอียิปต์มาก่อน แต่พระยาห์เวห์ได้นำพวกเราออกมาจากอียิปต์ด้วยมือที่เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์
- เฉลยธรรมบัญญัติ 6:22 - เราได้เห็นพระยาห์เวห์ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัวต่างๆ รวมทั้งสิ่งมหัศจรรย์กับประเทศอียิปต์ กับกษัตริย์ฟาโรห์และกับทุกคนที่อยู่ในบ้านของเขา
- สดุดี 106:17 - ดังนั้นแผ่นดินได้แยกออกดูดกลืนดาธานลงไป และกลบพรรคพวกของอาบีรัม
- สดุดี 106:18 - มีไฟลุกลามใหญ่โตท่ามกลางพรรคพวกที่เหลือของเขา เปลวไฟได้เผาผลาญคนชั่วเหล่านั้น
- เนหะมียาห์ 9:12 - พระองค์ได้นำทางพวกเขาด้วยเสาเมฆในตอนกลางวันและด้วยเสาไฟในตอนกลางคืน เพื่อส่องทางให้พวกเขาเดินไปในทางที่พวกเขาควรไป
- เนหะมียาห์ 9:13 - พระองค์ลงมาอยู่บนภูเขาซีนาย และพูดกับพวกเขาจากสวรรค์ และได้มอบกฎระเบียบที่ถูกต้องและกฎบัญญัติที่แท้จริง รวมทั้งพวกบัญญัติและคำสั่งต่างๆที่ดีให้กับพวกเขา
- เนหะมียาห์ 9:14 - และพระองค์ได้บอกให้พวกเขารู้เกี่ยวกับวันหยุดอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ และพระองค์ให้คำสั่งต่างๆ กฎระเบียบ และบัญญัติกับพวกเขา ผ่านทางโมเสส ผู้รับใช้ของพระองค์
- เนหะมียาห์ 9:15 - ในยามที่พวกเขาหิว พระองค์ให้อาหารกับพวกเขาจากสวรรค์ ในยามที่พวกเขากระหาย พระองค์ให้น้ำไหลออกจากหินมาให้พวกเขาดื่ม พระองค์บอกให้พวกเขาไปยึดเอาแผ่นดินที่พระองค์ได้สัญญาว่าจะมอบให้กับพวกเขา
- อพยพ 19:1 - ชาวอิสราเอลได้เดินทางมาถึงที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งซีนายในเดือนที่สาม หลังจากที่พวกเขาออกจากอียิปต์
- อพยพ 19:2 - พวกเขาเดินทางจากตำบลเรฟีดิม มาถึงที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งซีนาย และตั้งค่ายอยู่ที่นั่น ขณะที่พวกเขาตั้งค่ายอยู่ที่นั่นตรงข้ามกับภูเขา
- อพยพ 19:3 - โมเสสได้ขึ้นไปบนภูเขา และพระยาห์เวห์เรียกเขาจากยอดเขาว่า “เจ้าต้องบอกกับชาวอิสราเอลลูกหลานของยาโคบว่า
- อพยพ 19:4 - ‘ตัวเจ้าเองได้เห็นแล้วว่า เราได้ทำยังไงกับอียิปต์ เราได้ยกพวกเจ้าขึ้นบนปีกของพวกนกอินทรี และพามาหาเรา
- อพยพ 19:5 - ต่อไปนี้ ถ้าพวกเจ้าเชื่อฟังเราอย่างแท้จริง และรักษาคำมั่นสัญญาของเรา พวกเจ้าจะเป็นของรักของหวงที่มีค่าของเราท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย เพราะทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้เป็นของเรา
- อพยพ 19:6 - พวกเจ้าจะเป็นอาณาจักรของพวกนักบวช และเป็นชนชาติที่ศักดิ์สิทธิ์ให้กับเรา เจ้าจะต้องเอาคำพูดเหล่านี้ไปบอกกับลูกหลานของอิสราเอล’”
- อพยพ 19:7 - โมเสสจึงเรียกตัวผู้อาวุโสชาวอิสราเอลมาชุมนุมกัน และบอกพวกเขาเกี่ยวกับคำพูดทั้งหมดที่พระยาห์เวห์ได้สั่งเขามา
- อพยพ 19:8 - คนพวกนั้นต่างตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “พวกเราจะทำตามที่พระยาห์เวห์บอกทุกอย่าง”
- อพยพ 19:9 - พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “เราจะมาหาเจ้าในก้อนเมฆที่หนาทึบ เพื่อประชาชนจะได้ยินเมื่อเราพูดกับเจ้า และพวกเขาจะได้เชื่อตลอดไป” โมเสสได้บอกกับพระยาห์เวห์ถึงสิ่งที่ชาวอิสราเอลพูดทั้งหมด
- อพยพ 19:10 - พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ไปหาประชาชนพวกนั้น วันนี้และพรุ่งนี้ให้เจ้าไปเตรียมตัวพวกเขาเพื่อเข้าเฝ้า และเรียกให้พวกเขาซักเสื้อผ้าให้สะอาด
- อพยพ 19:11 - ในวันที่สาม พวกเขาต้องพร้อมแล้ว เพราะในวันที่สามนั้น พระยาห์เวห์จะลงมาให้ประชาชนทั้งหมดเห็นบนภูเขาซีนาย
- อพยพ 19:12 - เจ้าจะต้องกั้นเขตไว้ให้รอบภูเขานั้น และบอกกับประชาชนว่า ‘ระวังให้ดี อย่าได้ขึ้นไปบนภูเขานั้น หรือไปแตะต้องถูกมุมใดของภูเขา ถ้าใครแตะต้องถูกภูเขานั้น เขาจะต้องตาย
- อพยพ 19:13 - อย่าให้ใครไปแตะต้องคนที่ไปแตะถูกภูเขานั้น เขาต้องถูกหินขว้างหรือถูกยิงด้วยธนู ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ ก็ต้องตายทั้งนั้น แล้วเมื่อมีเสียงแตรเขาสัตว์ดังขึ้น พวกเขาจึงขึ้นมาบนภูเขานี้ได้’”
- อพยพ 19:14 - โมเสสจึงลงมาจากภูเขา มาหาประชาชนพวกนั้น โมเสสได้เตรียมตัวพวกเขาให้เข้าเฝ้าพระองค์ และพวกเขาก็ซักเสื้อผ้าของพวกเขาด้วย
- อพยพ 19:15 - แล้วโมเสสก็บอกกับประชาชนว่า “ในสามวันนี้ ให้เตรียมพร้อมทุกอย่าง และห้ามแตะต้องตัวผู้หญิงเด็ดขาด”
- อพยพ 19:16 - ในตอนเช้าของวันที่สาม ได้เกิดฟ้าร้อง ฟ้าแลบ และมีเมฆหนาทึบอยู่บนภูเขา และมีเสียงแตรดังสนั่น ประชาชนทั้งหมดที่อยู่ในค่าย ต่างกลัวจนตัวสั่น
- อพยพ 19:17 - โมเสสจึงนำประชาชนออกจากค่าย มาพบพระเจ้า พวกเขายืนอยู่ที่ตีนเขา
- อพยพ 19:18 - ภูเขาซีนายทั้งลูก ก็ถูกปกคลุมไปด้วยควันไฟ เพราะพระยาห์เวห์ได้ลงมาที่ภูเขานั้นในรูปแบบของไฟ ควันของมันพุ่งขึ้นเหมือนออกจากเตาเผา แล้วภูเขาทั้งลูกก็สั่นสะเทือนอย่างแรง
- อพยพ 19:19 - เสียงแตรก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ โมเสสพูดกับพระเจ้า และพระองค์ตอบเขาด้วยเสียงฟ้าร้อง
- อพยพ 19:20 - พระยาห์เวห์ลงมาอยู่บนยอดเขาซีนาย พระองค์เรียกโมเสสขึ้นไปบนยอดเขา โมเสสจึงขึ้นไป
- กันดารวิถี 16:1 - โคราห์ ดาธาน อาบีรัม และโอน ได้ต่อต้านโมเสส โคราห์เป็นลูกชายของอิสฮาร์ อิสฮาร์เป็นลูกชายของโคฮาท โคฮาทเป็นลูกชายของเลวี ส่วนดาธานและอาบีรัมเป็นลูกชายของเอลีอับ โอนเป็นลูกชายของเปเลท ดาธาน อาบีรัมและโอนเป็นลูกหลานของรูเบน พวกเขาได้พาคนหลายคน
- กันดารวิถี 16:2 - ลุกขึ้นต่อต้านโมเสส พวกเขารวบรวมคนได้สองร้อยห้าสิบคนจากประชาชนชาวอิสราเอล พวกคนสองร้อยห้าสิบคนนี้เป็นผู้นำของชุมชน ที่ประชาชนเลือกขึ้นมา เป็นพวกคนที่มีชื่อเสียง
- กันดารวิถี 16:3 - พวกเขารวมตัวกันต่อต้านโมเสสและอาโรน พวกเขาพูดกับโมเสสและอาโรนว่า “พวกท่านหลงตัวเองเกินไปแล้ว เพราะประชาชนทั้งหมดนี้ ทุกคนเป็นคนพิเศษของพระยาห์เวห์ และพระยาห์เวห์ก็อยู่ท่ามกลางพวกเขา ทำไมท่านถึงต้องยกตัวเองขึ้นข่มประชาชนของพระยาห์เวห์ด้วย”
- กันดารวิถี 16:4 - เมื่อโมเสสได้ยินอย่างนั้น เขาก็ทรุดตัวกราบลงกับพื้นดิน
- กันดารวิถี 16:5 - แล้วพูดกับโคราห์และพรรคพวกของเขาว่า “พรุ่งนี้เช้าพระยาห์เวห์จะทำให้ท่านรู้ว่าใครเป็นของพระองค์และใครเป็นคนพิเศษ และพระองค์จะนำคนที่พิเศษนั้นมาอยู่ใกล้พระองค์ และคนที่พระองค์เลือก พระองค์ก็จะนำมาอยู่ใกล้พระองค์
- กันดารวิถี 16:6 - โคราห์ ทำอย่างนี้สิ ในวันพรุ่งนี้ ให้ท่านและพรรคพวกของท่านเอากระถางไฟมา
- กันดารวิถี 16:7 - และเอาไฟใส่เข้าไป แล้วใส่เครื่องหอมลงในนั้นต่อหน้าพระยาห์เวห์ในวันพรุ่งนี้ แล้วคนที่พระยาห์เวห์เลือกจะเป็นคนพิเศษของพระองค์ พวกท่านเลวีต่างหากที่หลงตัวเองไปแล้ว”
- กันดารวิถี 16:8 - โมเสสพูดกับโคราห์ว่า “ฟังให้ดีๆพวกชาวเลวีทั้งหลาย
- กันดารวิถี 16:9 - พวกท่านคิดว่ามันน้อยเกินไปใช่ไหม ที่พระเจ้าของชาวอิสราเอลได้แยกพวกท่านออกจากประชาชนชาวอิสราเอล เพื่อนำพวกท่านมาใกล้พระองค์ ให้มารับใช้ในเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ของพระยาห์เวห์ และมายืนอยู่ต่อหน้าชุมชนเพื่อบริการพวกเขา
- กันดารวิถี 16:10 - พระยาห์เวห์ได้นำท่าน และพรรคพวกของท่าน ให้มาอยู่ใกล้พระองค์ แต่พวกท่านอยากจะเป็นนักบวชด้วย
- กันดารวิถี 16:11 - ดังนั้น ท่าน และพรรคพวกของท่าน จึงได้รวมตัวกันเพื่อต่อต้านพระยาห์เวห์ แล้วอาโรนทำผิดอะไร พวกท่านถึงได้บ่นต่อว่าเขา”
- กันดารวิถี 16:12 - โมเสสส่งคนไปเรียกดาธานและอาบีรัมลูกชายเอลีอับมา แต่พวกเขาบอกว่า “พวกเราจะไม่มา
- กันดารวิถี 16:13 - แค่นี้ยังไม่พออีกหรือ ที่ท่านนำพวกเราออกมาจากแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ เพื่อให้เรามาตายในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนี้ แล้วตอนนี้ท่านยังทำตัวเป็นเจ้านายเหนือพวกเราอีก
- กันดารวิถี 16:14 - นอกจากนั้น ท่านก็ยังไม่ยอมพาพวกเราเข้าไปในแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ แถมยังไม่ยอมให้ที่นาและไร่องุ่นกับพวกเราด้วย ท่านจะแหกตาพวกนี้ต่อไปอีกหรือ พวกเราจะไม่มา”
- กันดารวิถี 16:15 - โมเสสโกรธมาก เขาพูดกับพระยาห์เวห์ว่า “อย่าไปรับเครื่องบูชาของพวกเขาเลย ข้าพเจ้าไม่เคยทำผิดต่อพวกเขาเลย แม้แต่ลาซักตัวก็ไม่เคยเอาของเขามา”
- กันดารวิถี 16:16 - โมเสสพูดกับโคราห์ว่า “ท่านและพรรคพวกของท่านต้องมาอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ในวันพรุ่งนี้ จะมีท่าน พรรคพวกของท่านและอาโรน
- กันดารวิถี 16:17 - พวกท่านแต่ละคนจะต้องเอากระถางไฟของท่านใส่เครื่องหอม แล้วแต่ละคนต้องนำกระถางไฟนั้นมาอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ รวมทั้งหมดสองร้อยห้าสิบใบ ท่านและอาโรนก็ต้องนำกระถางไฟของตัวเองมาด้วย”
- สดุดี 135:8 - พระองค์ฆ่าลูกหัวปีของอียิปต์ ทั้งของคนและของสัตว์
- สดุดี 135:9 - พระองค์ทำสิ่งน่าทึ่งต่างๆและการอัศจรรย์ทั้งหลายไปทั่วอียิปต์ เพื่อต่อต้านฟาโรห์และข้าราชการทั้งหมดของเขา
- สดุดี 135:10 - พระองค์ยังปราบปรามชนชาติต่างๆ และฆ่าพวกกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร
- สดุดี 135:11 - เช่น สิโหน กษัตริย์ของคนอาโมไรต์ โอก กษัตริย์ของบาชาน และอาณาจักรทั้งหลายในแผ่นดินคานาอัน
- สดุดี 135:12 - แล้วพระองค์มอบแผ่นดินของกษัตริย์เหล่านั้น ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของอิสราเอลคนของพระองค์
- เนหะมียาห์ 9:10 - พระองค์ได้แสดงปรากฏการณ์ต่างๆและสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ เพื่อต่อต้านฟาโรห์ กษัตริย์ของอียิปต์ และต่อต้านพวกข้าราชการทั้งสิ้น และประชาชนบนแผ่นดินของกษัตริย์ฟาโรห์ เพราะพระองค์รู้ว่าพวกเขาได้ข่มเหงบรรพบุรุษของพวกเรา พระองค์ก็เลยมีชื่อเสียงโด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้
- สดุดี 105:39 - พระองค์กางก้อนเมฆของพระองค์ออกปกคลุมอยู่เหนือคนอิสราเอล และยังให้เพลิงไฟไว้ส่องสว่างในตอนกลางคืน
- สดุดี 105:40 - เมื่ออิสราเอลร้องขออาหาร พระองค์ก็นำนกกระทามาให้ นอกจากนั้นพระองค์ก็ยังให้อาหารจากสวรรค์กับพวกเขากินจนอิ่มหนำ
- สดุดี 105:41 - พระองค์ตีก้อนหินแตกเป็นช่อง น้ำก็ไหลพุ่งออกมาสู่แผ่นดินที่แห้งแล้งเหมือนกับแม่น้ำ
- สดุดี 105:42 - เพราะพระองค์ระลึกถึงคำสัญญาอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ที่ให้ไว้กับอับราฮัมผู้รับใช้ของพระองค์
- สดุดี 105:43 - พระองค์นำชนชาติของพระองค์ออกจากอียิปต์อย่างมีความสุข คนเหล่านี้ที่พระองค์เลือกมาโห่ร้องด้วยความยินดี
- สดุดี 105:44 - แล้วพระองค์ก็มอบแผ่นดินต่างๆของชนชาติอื่นๆให้กับพวกเขา พวกเขาได้กรรมสิทธิ์ในไร่นาที่คนต่างชาติลงมือลงแรงทำไว้
- สดุดี 105:45 - ที่พระองค์ทำอย่างนี้ก็เพื่อพวกเขาจะได้เชื่อฟังกฎทั้งหลายของพระองค์ และรักษาคำสั่งสอนของพระองค์อย่างระมัดระวัง สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
- กันดารวิถี 20:1 - ประชาชนชาวอิสราเอล ทั้งชุมชนมาถึงที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งศินในเดือนที่หนึ่ง ประชาชนอาศัยอยู่ที่เคเดช มิเรียมตายและถูกฝังไว้ที่นี่
- กันดารวิถี 20:2 - ที่นั่นไม่มีน้ำสำหรับชุมชน ดังนั้น พวกเขาจึงรวมตัวกันต่อต้านโมเสสและอาโรน
- กันดารวิถี 20:3 - ประชาชนมาถกเถียงกับโมเสสและพูดว่า “พวกเราน่าจะตายไปพร้อมๆกับพี่น้องของเรา ตอนที่พวกเขาตายไปต่อหน้าพระยาห์เวห์
- กันดารวิถี 20:4 - พวกท่านพาชุมชนของพระยาห์เวห์มาในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนี้ทำไม เพื่อเราและสัตว์ของเราจะได้ตายกันที่นี่หรือยังไง
- กันดารวิถี 20:5 - ท่านนำเราออกมาจากอียิปต์เพื่อมาอยู่ในที่ห่วยๆอย่างนี้ทำไม ที่นี่ไม่มีเมล็ดพืช มะเดื่อ องุ่นหรือทับทิม และแม้แต่น้ำจะดื่มก็ยังไม่มีเลย”
- กันดารวิถี 20:6 - โมเสสและอาโรนจึงจากชุมชนไปที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ ทั้งสองคนก้มหน้ากราบลง และรัศมี ของพระยาห์เวห์ก็ปรากฏกับพวกเขา
- กันดารวิถี 20:7 - พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า
- กันดารวิถี 20:8 - “เจ้าและอาโรนพี่ชายเจ้า ไปหยิบไม้เท้าและรวบรวมคนในชุมชนนั้น แล้วพูดกับก้อนหินต่อหน้าพวกเขา แล้วหินจะให้น้ำไหลออกมา ด้วยวิธีนี้ เจ้าจะได้ผลิตน้ำให้กับพวกเขาจากหินก้อนนั้น และเจ้าก็ได้จัดหาน้ำดื่มให้กับชุมชนและสัตว์เลี้ยงของพวกเขา”
- กันดารวิถี 20:9 - โมเสสจึงไปหยิบไม้เท้าที่อยู่ตรงหน้าพระยาห์เวห์ ตามที่พระองค์สั่งเขา
- กันดารวิถี 20:10 - โมเสสและอาโรนก็เรียกชุมนุมคนที่หน้าหินก้อนนั้น โมเสสพูดกับพวกเขาทั้งหลายว่า “ฟังให้ดี ไอ้พวกแข็งข้อ จะให้เราทำน้ำออกมาจากหินก้อนนี้หรือ”
- กันดารวิถี 20:11 - แล้วโมเสสก็ยกมือขึ้น และตีหินก้อนนั้นด้วยไม้เท้าสองครั้ง และน้ำก็พุ่งออกมา ชุมชนและสัตว์เลี้ยงของเขาก็เข้าไปดื่มกัน
- กันดารวิถี 20:12 - พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสและอาโรนว่า “เจ้าไม่ได้ไว้วางใจเราเพียงพอ เจ้าถึงไม่ได้ให้เกียรติเราในฐานะผู้ศักดิ์สิทธิ์ ต่อหน้าประชาชนชาวอิสราเอล ดังนั้น เจ้าจะไม่ได้นำชุมชนนี้เข้าไปในแผ่นดินที่เรากำลังจะให้กับพวกเขานั้น”
- กันดารวิถี 20:13 - สถานที่นี้ถูกเรียกว่าน้ำของเมรีบาห์ เป็นสถานที่ที่ประชาชนชาวอิสราเอลแข็งข้อต่อพระยาห์เวห์ และพระยาห์เวห์ได้แสดงให้พวกเขาเห็นว่าพระองค์เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์
- กันดารวิถี 20:14 - ตอนที่โมเสสอยู่ที่เคเดช เขาได้ส่งคนถือสารไปถึงกษัตริย์ของเอโดมมีใจความว่า
- กันดารวิถี 20:15 - บรรพบุรุษของเราได้ลงไปอยู่ที่อียิปต์และได้อาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลาช้านาน และชาวอียิปต์ต่างก็โหดร้ายกับพวกเราและบรรพบุรุษของเรา
- กันดารวิถี 20:16 - แต่เราได้ร้องขอความช่วยเหลือต่อพระยาห์เวห์ และพระองค์ก็ได้ยินเสียงร้องของพวกเรา และได้ส่งทูตสวรรค์องค์หนึ่งมานำเราออกจากอียิปต์
- กันดารวิถี 20:17 - ได้โปรดอนุญาตให้พวกเราเดินผ่านประเทศของท่าน พวกเราจะไม่เดินผ่านไร่นาหรือไร่องุ่น พวกเราจะไม่ดื่มน้ำจากบ่อของท่าน พวกเราจะเดินอยู่แต่บนทางหลวงเท่านั้น และจะไม่แวะที่ใดจนกว่าจะผ่านประเทศของท่านไป”
- กันดารวิถี 20:18 - แต่กษัตริย์เอโดมตอบมาว่า “พวกท่านต้องไม่ผ่านเข้ามาในดินแดนของเรา ไม่อย่างนั้น เราจะยกทัพออกมาต่อสู้กับพวกท่าน”
- กันดารวิถี 20:19 - ประชาชนชาวอิสราเอลจึงบอกกับเขาว่า “พวกเราจะเดินอยู่แต่บนทางหลวงเท่านั้น และถ้าสัตว์เลี้ยงของพวกเราไปดื่มน้ำของท่านเข้า พวกเราจะจ่ายเงินให้ ขอเพียงท่านอนุญาตให้พวกเราเดินผ่านไปเท่านั้น มันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”
- กันดารวิถี 20:20 - แต่กษัตริย์ของเอโดมบอกว่า “ห้ามพวกท่านผ่านเข้ามา” เอโดมจึงยกกองทัพขนาดใหญ่ที่เข้มแข็งออกมาต้านชาวอิสราเอล
- กันดารวิถี 20:21 - เอโดมไม่ยอมให้ชาวอิสราเอลผ่านดินแดนของพวกเขา ชาวอิสราเอลจึงต้องหันไปทางอื่น
- สดุดี 95:10 - เราสะอิดสะเอียนคนรุ่นนั้นนานถึงสี่สิบปี เราว่า ‘คนพวกนั้นมีใจที่หลงผิดไป ไม่เคยเรียนรู้ทางต่างๆของเรา’
- กิจการ 7:42 - แต่พระเจ้าหันหน้าหนีพวกเขา และพระองค์ปล่อยให้พวกเขากราบไหว้หมู่ดาวในท้องฟ้าตามที่มีเขียนไว้แล้วในหนังสือของผู้พูดแทนพระเจ้าว่า ‘ประชาชนชาวอิสราเอลทั้งหลาย สัตว์ที่พวกเจ้าฆ่าแล้วเอามาบูชายัญในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งเป็นเวลาถึงสี่สิบปีนั้น พวกเจ้าไม่ได้บูชาให้กับเราหรอก
- สดุดี 78:12 - พระเจ้าทำสิ่งน่าทึ่งต่างๆต่อหน้าต่อตาบรรพบุรุษของพวกเขา ในแคว้นโศอันในแผ่นดินอียิปต์
- สดุดี 78:13 - พระเจ้าแหวกทะเลออกและนำพวกเขาเดินทะลุไป พระองค์ทำให้น้ำตั้งขึ้นเหมือนกำแพงทั้งสองข้าง
- สดุดี 78:14 - พระองค์นำทางพวกเขาด้วยเมฆในตอนกลางวัน และนำด้วยแสงไฟตลอดคืน
- สดุดี 78:15 - พระองค์ทุบหินในทะเลทรายแยกออก และน้ำก็ไหลพุ่งออกมามากมายให้พวกเขาดื่มเหมือนกับมาจากทะเลลึก
- สดุดี 78:16 - พระองค์ทำให้พวกลำธารไหลออกมาจากหินผา พระองค์ทำให้น้ำไหลเหมือนพวกแม่น้ำ
- สดุดี 78:17 - แต่พวกบรรพบุรุษยังคงทำบาปต่อพระองค์ต่อไป และกบฏต่อพระองค์ผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุดในแผ่นดินที่แห้งแล้งนั้น
- สดุดี 78:18 - แล้วพวกเขาตั้งใจลองดีพระเจ้า พวกเขาขออาหารเพื่อสนองความอยากของตน
- สดุดี 78:19 - พวกเขาพูดต่อว่าพระเจ้าว่า “ในที่เปล่าเปลี่ยวอย่างนี้ พระเจ้าสามารถหาอาหารให้กับพวกเราได้หรือ
- สดุดี 78:20 - ถึงแม้พระองค์ทุบหินให้น้ำไหลออกมาจนล้นหุบเหวลึกได้ แต่พระองค์จะมีปัญญาหาอาหารมาให้ได้จริงๆหรือ พระองค์จะเอาเนื้อมาให้คนของพระองค์กินด้วยได้หรือ”
- สดุดี 78:21 - เมื่อพระยาห์เวห์ได้ยินอย่างนั้น พระองค์ก็โกรธ และไฟก็ปะทุขึ้นใส่คนของยาโคบ ความโกรธของพระองค์เผาอิสราเอล
- สดุดี 78:22 - เพราะพวกเขาไม่ได้ไว้วางใจในพระเจ้า และไม่เชื่อว่า พระองค์มีฤทธิ์ที่จะช่วยพวกเขาให้รอดได้
- สดุดี 78:23 - แล้วพระเจ้าก็ประกาศสั่งเมฆบนฟ้าเบื้องบน และพระองค์เปิดประตูท้องฟ้า
- สดุดี 78:24 - แล้วพระองค์ก็เทมานาลงมาให้พวกเขากิน พระองค์ให้อาหารทิพย์จากสวรรค์กับพวกเขา
- สดุดี 78:25 - คนพวกนี้พากันกินขนมปังของพวกเทพเจ้า พระองค์ให้อาหารพวกเขากินอย่างอิ่มหมีพีมัน
- สดุดี 78:26 - แล้วพระเจ้าก็ทำให้ลมจากทิศ-ตะวันออกเฉียงใต้พัดมาตรงที่พวกเขาอยู่ และให้ฝูงนกตกลงมาจากท้องฟ้า
- สดุดี 78:27 - พระองค์เทเนื้อลงบนพวกเขาอย่างพายุฝุ่น มีนกมากมายเหมือนเม็ดทรายที่ชายทะเล
- สดุดี 78:28 - นกพวกนี้ตกลงไปในค่าย รอบๆเต็นท์ของพวกเขา
- สดุดี 78:29 - พระเจ้าให้สิ่งที่พวกเขาอยากได้ และพวกเขาก็กินจนอิ่มตื้อ
- สดุดี 78:30 - แต่ในระหว่างที่เขายังกินอาหารที่อยากกินอยู่นั้น ขณะที่มันยังคาอยู่ในปาก
- สดุดี 78:31 - จู่ๆความโกรธของพระเจ้าก็พลุ่งขึ้นใส่พวกเขา พระองค์ฆ่าคนที่แข็งแรงที่สุดของพวกเขาบางคน พระองค์โค่นพวกคนหนุ่มที่ดีที่สุดของอิสราเอล
- สดุดี 78:32 - ขนาดเกิดเรื่องอย่างนี้แล้ว พวกเขาก็ยังคงทำบาป และยังไม่ยอมเชื่อในฤทธิ์อันน่าทึ่งของพระเจ้า
- สดุดี 78:33 - พระองค์ทำให้ชีวิตของพวกเขาจบลงอย่างล้มเหลว เดือนปีของเขาจบลงด้วยความหวาดกลัวและสั่นเทิ้ม
- เฉลยธรรมบัญญัติ 2:25 - วันนี้เราจะทำให้ทุกคนทั่วใต้ฟ้านี้เกรงกลัวเจ้า เมื่อพวกเขาได้ยินข่าวเกี่ยวกับเจ้า พวกเขาจะกลัวจนตัวสั่นต่อหน้าเจ้า’
- เฉลยธรรมบัญญัติ 2:26 - ในระหว่างที่พวกเราอยู่ที่ที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งเคเดโมท เราได้ส่งพวกผู้ถือสารไปหากษัตริย์สิโหนของเมืองเฮชโบน พร้อมกับคำพูดที่เป็นมิตรว่า
- เฉลยธรรมบัญญัติ 2:27 - ‘ขออนุญาตให้เราใช้เส้นทางในดินแดนของท่านด้วยเถิด เราจะเดินอยู่แต่บนถนน จะไม่เลี้ยวขวาเลี้ยวซ้าย
- เฉลยธรรมบัญญัติ 2:28 - เราจะจ่ายเงินซื้ออาหารและน้ำจากท่าน ขอแค่ให้เราใช้เส้นทางเดินผ่านไปเท่านั้น
- เฉลยธรรมบัญญัติ 2:29 - เหมือนกับที่ลูกหลานของเอซาวที่อยู่ในเสอีร์และชาวโมอับที่อยู่ในอาร์ได้ทำกับเรามาแล้ว เราจะต้องข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปยังดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราได้ให้กับพวกเราไว้’
- เฉลยธรรมบัญญัติ 2:30 - แต่กษัตริย์สิโหนของเฮชโบนไม่ยอมให้พวกเราผ่านทางนั้น เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทำให้เขาดื้อดึงและต่อต้าน เพื่อพระองค์จะได้ทำให้สิโหนตกอยู่ในกำมือของท่านอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้
- เฉลยธรรมบัญญัติ 2:31 - แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดกับผมว่า ‘เห็นแล้วหรือยังว่า เราได้ยกสิโหนและดินแดนของเขาให้กับเจ้าแล้ว เข้าไปยึดเอามาเป็นของเจ้าสิ’
- เฉลยธรรมบัญญัติ 2:32 - สิโหนกับคนของเขาได้ออกมาทำสงครามกับพวกเราที่ยาฮาส
- เฉลยธรรมบัญญัติ 2:33 - พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราให้เขาตกอยู่ในกำมือของเรา เราจึงฆ่าสิโหนและลูกๆของเขา รวมทั้งกองทัพของเขาทั้งหมด
- เฉลยธรรมบัญญัติ 2:34 - และเราได้เข้ายึดเมืองของเขาไว้ทั้งหมดในตอนนั้น เราได้ทำลายทุกคนทั้งผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กๆในทุกๆเมืองโดยไม่เหลือใครเลย
- เฉลยธรรมบัญญัติ 2:35 - พวกเราเอาแต่วัวควายและของมีค่ามาจากเมืองที่ยึดมาได้นั้น
- เฉลยธรรมบัญญัติ 2:36 - เรายึดได้ทุกๆเมืองจากอาโรเออร์ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำของหุบเขาอารโนน รวมทั้งเมืองที่อยู่ในหุบเขาจนถึงแคว้นกิเลอาด ไม่มีกำแพงเมืองไหนที่สูงเกินเงื้อมมือเรา พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราให้ทุกๆเมืองกับเรา
- เฉลยธรรมบัญญัติ 2:37 - เพียงแต่ท่านไม่ได้เข้าไปใกล้ดินแดนของชาวอัมโมน รวมทั้งบริเวณริมฝั่งแม่น้ำยับบอกและเมืองต่างๆตามเนินเขา เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราได้สั่งไว้ไม่ให้ทำอย่างนั้น
- กันดารวิถี 9:15 - ในวันที่ตั้งเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์เสร็จแล้ว ก็มีเมฆมาปกคลุมเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ คือเต็นท์ที่เก็บข้อตกลงนี้ ในตอนเย็นเมฆที่ปกคลุมเต็นท์นั้นดูเหมือนไฟจนถึงตอนเช้า
- กันดารวิถี 9:16 - เมฆนั้นได้ปกคลุมเต็นท์อยู่ตลอดเวลา ในเวลากลางคืน เมฆนั้นดูเหมือนไฟ มันจะเป็นอย่างนี้ตลอด
- กันดารวิถี 9:17 - เมื่อไหร่ก็ตามที่เมฆลอยขึ้นจากเต็นท์ ชาวอิสราเอลจะเริ่มเคลื่อนย้าย และถ้าเมฆนั้นไปหยุดอยู่ที่ไหน ชาวอิสราเอลก็จะตั้งค่ายอยู่ที่นั่น
- กันดารวิถี 9:18 - นี่เป็นสัญญาณที่พระยาห์เวห์ใช้ เพื่อจะบอกกับชาวอิสราเอลว่าเมื่อไหร่จะเคลื่อนย้ายและเมื่อไหร่จะหยุดตั้งค่าย พวกเขาจะตั้งค่ายอยู่นานเท่าที่เมฆยังคงหยุดอยู่เหนือเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์
- กันดารวิถี 9:19 - บางครั้งเมฆจะหยุดอยู่เหนือเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์เป็นเวลาหลายวัน ชาวอิสราเอลก็เชื่อฟังคำสั่งของพระยาห์เวห์ พวกเขาจะไม่เคลื่อนย้ายไปไหน
- กันดารวิถี 9:20 - บางครั้งเมฆปกคลุมเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์อยู่แค่สองสามวัน พวกเขาก็คอยดูสัญญาณจากพระยาห์เวห์ ว่าจะให้พวกเขาตั้งค่ายต่อหรือจะให้พวกเขาเคลื่อนย้าย
- กันดารวิถี 9:21 - บางครั้งเมฆปกคลุมเต็นท์แค่ค่ำคืนเดียวแล้วก็ลอยไปในตอนเช้า พวกเขาก็เคลื่อนย้ายตาม ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน เมื่อเมฆลอยไป พวกเขาก็เคลื่อนย้ายตาม
- กันดารวิถี 9:22 - ไม่ว่าจะเป็นแค่วันสองวัน หรือเป็นเดือนหรือเป็นปี เมื่อไหร่ก็ตามที่เมฆยังคงปกคลุมเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ พวกเขาก็จะตั้งค่ายอยู่ ไม่เคลื่อนย้ายไปไหน แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เมฆลอยไป พวกเขาก็เคลื่อนย้ายตาม
- กันดารวิถี 9:23 - พวกเขาดูสัญญาณจากพระยาห์เวห์ว่าเมื่อไหร่จะให้ตั้งค่ายและเมื่อไหร่จะให้เคลื่อนย้าย พวกเขารักษาคำสั่งของพระยาห์เวห์ที่สั่งผ่านมาทางโมเสส
- กันดารวิถี 11:1 - ชาวอิสราเอลเริ่มบ่นอย่างขมขื่นต่อหน้าพระยาห์เวห์ พระองค์ได้ยินและโกรธ พระองค์จึงส่งไฟลงมาเผาผลาญอยู่ท่ามกลางพวกเขา และไฟนั้นได้เผาบริเวณแถวๆริมค่ายหายไปส่วนหนึ่ง
- กันดารวิถี 11:2 - พวกประชาชนต่างร้องขอความช่วยเหลือกับโมเสส โมเสสได้อธิษฐานกับพระยาห์เวห์ และไฟก็ดับลง
- กันดารวิถี 11:3 - เขาจึงตั้งชื่อสถานที่นั้นว่า ทาเบราห์ เพราะไฟจากพระยาห์เวห์ได้เผาผลาญอยู่ท่ามกลางพวกเขา
- กันดารวิถี 11:4 - พวกที่ชอบก่อปัญหา อยากได้อาหารที่ดีกว่านี้ และชาวอิสราเอลเองร้องไห้คร่ำครวญอีกครั้ง พวกเขาพูดว่า “ใครจะให้เนื้อเรากิน
- กันดารวิถี 11:5 - เราคิดถึงเนื้อปลาที่เราได้กินในอียิปต์ ไม่ต้องจ่ายอะไรเลย ยังมีแตงกวา แตงโม ต้นหอม หัวหอมและกระเทียม
- กันดารวิถี 11:6 - แต่ตอนนี้ชีวิตของเราช่างแห้งแล้งเสียเหลือเกิน ไม่มีอะไรเลย นอกจากมานานี้”
- กันดารวิถี 11:7 - (มานามีลักษณะเหมือนเมล็ดผักชี มีสีเหมือนยางไม้
- กันดารวิถี 11:8 - ผู้คนจะไปเก็บรวบรวมมันและนำไปบดด้วยโม่หินหรือตำด้วยครกและต้มในหม้อและทำเป็นแผ่นขนมปัง รสชาติเหมือนกับขนมปังแผ่นที่อบกับน้ำมัน
- กันดารวิถี 11:9 - ตอนกลางคืน เมื่อน้ำค้างตกในค่าย มานาจะตกลงมาพร้อมๆกับน้ำค้างนั้น)
- กันดารวิถี 11:10 - ผู้คนในแต่ละตระกูล ต่างพากันยืนอยู่หน้าเต็นท์ของตัวเองร้องไห้คร่ำครวญกัน โมเสสได้ยินเสียงนั้น พระยาห์เวห์โกรธ และโมเสสก็ไม่พอใจ
- กันดารวิถี 11:11 - โมเสสถามพระยาห์เวห์ว่า “ทำไมพระองค์ถึงทำให้เกิดปัญหาพวกนี้กับข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์ ทำไมพระองค์ไม่ชอบข้าพเจ้า ถึงได้ให้ข้าพเจ้าต้องแบกภาระของคนพวกนี้ทั้งหมด
- กันดารวิถี 11:12 - ข้าพเจ้าตั้งท้องพวกนี้มาหรือ ข้าพเจ้าคลอดพวกนี้มาหรือ พระองค์ถึงได้พูดกับข้าพเจ้าว่า ‘อุ้มพวกเขาไว้แนบอกเหมือนคนเลี้ยงที่อุ้มเด็กทารกไว้’ เพื่อนำพวกเขาไปยังดินแดนที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา
- กันดารวิถี 11:13 - เมื่อพวกเขามาร้องคร่ำครวญต่อหน้าข้าพเจ้า พูดว่า ‘ให้เนื้อสัตว์พวกเรากินหน่อย’ แล้วข้าพเจ้าจะไปหาเนื้อสัตว์จากที่ไหนมาให้คนพวกนี้
- กันดารวิถี 11:14 - ลำพังข้าพเจ้าคนเดียว ไม่สามารถแบกคนเหล่านี้ได้ทั้งหมดหรอก มันมากเกินไปสำหรับข้าพเจ้า
- กันดารวิถี 11:15 - ถ้าพระองค์จะทำอย่างนี้กับข้าพเจ้า ฆ่าข้าพเจ้าเลยดีกว่า ถ้าพระองค์พอใจข้าพเจ้า ก็ให้ข้าพเจ้าตายไปดีกว่า จะได้ไม่ต้องเจอกับปัญหาพวกนี้อีกต่อไป”
- กันดารวิถี 11:16 - พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ไปรวบรวมผู้อาวุโสของอิสราเอลมาให้เราเจ็ดสิบคน เอาคนที่เจ้ารู้ว่าเป็นผู้อาวุโส และผู้นำของประชาชน แล้วพาพวกเขามาที่เต็นท์นัดพบ และให้พวกเขายืนอยู่ที่นั่นกับเจ้า
- กันดารวิถี 11:17 - แล้วเราจะลงมาและพูดกับเจ้าที่นั่น พระวิญญาณที่อยู่กับเจ้านี้ เราจะเอาส่วนหนึ่งไปให้กับพวกเขา พวกเขาจะช่วยแบกภาระของประชาชนกับเจ้า เพื่อเจ้าจะได้ไม่ต้องแบกคนเดียว
- กันดารวิถี 11:18 - ให้บอกกับประชาชนว่า ‘ชำระตัวของเจ้าให้บริสุทธิ์สำหรับวันพรุ่งนี้ พรุ่งนี้เจ้าจะได้กินเนื้อ เพราะเจ้าได้ร้องคร่ำครวญต่อหน้าพระยาห์เวห์ว่า “ใครจะเอาเนื้อมาให้พวกเรากิน อยู่ที่อียิปต์ดีกว่านี้เยอะเลย” พระยาห์เวห์จะให้เนื้อกับพวกท่าน และพวกท่านจะได้กินมัน
- กันดารวิถี 11:19 - ท่านจะไม่ได้กินแค่วันสองวันหรือห้าวัน หรือสิบวันหรือยี่สิบวันเท่านั้น
- กันดารวิถี 11:20 - แต่ท่านจะได้กินตลอดทั้งเดือน จนมันทะลักออกมาทางจมูก ท่านจะกินจนขยะแขยงไปเลย มันจะเป็นอย่างนี้ เพราะท่านปฏิเสธพระยาห์เวห์ที่อยู่ท่ามกลางท่าน และมาร้องคร่ำครวญต่อหน้าพระองค์ว่า “ทำไมเราถึงต้องออกมาจากอียิปต์กัน”’”
- กันดารวิถี 11:21 - โมเสสพูดว่า “มีทหารเดินเท้าตั้งหกแสนคนอยู่กับข้าพเจ้าที่นี่ แต่พระองค์ยังพูดว่า ‘เราจะให้เนื้อสัตว์กับพวกเขากินกันทั้งเดือน’
- กันดารวิถี 11:22 - ถึงฆ่าแกะและวัวหมดทั้งฝูง ก็ยังไม่พอให้พวกเขากินเลย ถึงจับปลามาหมดทะเล ก็ยังไม่พอเลี้ยงพวกเขาเลย”
- กันดารวิถี 11:23 - พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “เจ้าคิดว่ามือของพระยาห์เวห์สั้นไปหรือยังไง เดี๋ยวเจ้าจะได้เห็นว่าสิ่งที่เราพูดนั้นจะเกิดขึ้นกับเจ้าไหม”
- กันดารวิถี 11:24 - โมเสสออกไปบอกกับประชาชนว่าพระยาห์เวห์พูดอะไร โมเสสได้รวบรวมผู้อาวุโสของอิสราเอลมาเจ็ดสิบคน โมเสสให้พวกเขามายืนอยู่รอบๆเต็นท์
- กันดารวิถี 11:25 - แล้วพระยาห์เวห์ได้ลงมาในเมฆ และพูดกับโมเสส พระองค์เอาวิญญาณบางส่วนที่อยู่กับโมเสส ไปใส่ไว้ในผู้อาวุโสทั้งเจ็ดสิบคนนั้น เมื่อพระวิญญาณเข้าไปอยู่ในตัวพวกเขา พวกเขาก็ตะโกนพระคำออกมาด้วยความยินดี แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่เคยทำอย่างนั้นอีกเลย
- กันดารวิถี 11:26 - ยังมีผู้อาวุโสสองคนที่ไม่ได้มา แต่ยังคงอยู่ในค่าย คนหนึ่งชื่อเอลดาด อีกคนชื่อเมดาด พระวิญญาณก็เข้าไปอยู่ในตัวพวกเขา พวกเขาก็อยู่ในกลุ่มของผู้อาวุโสทั้งเจ็ดสิบคนนั้นด้วย แต่พวกเขาไม่ได้ไปที่เต็นท์ ดังนั้น พวกเขาจึงตะโกนพระคำออกมาด้วยความยินดีอยู่ในค่าย
- กันดารวิถี 11:27 - ชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งออกมาบอกกับโมเสสว่า “เอลดาดและเมดาดกำลังตะโกนพระคำด้วยความยินดีอยู่ในค่าย”
- กันดารวิถี 11:28 - โยชูวาลูกชายของนูน พูดกับโมเสสว่า “โมเสส นายท่าน หยุดพวกเขาเถิด” โยชูวา เป็นผู้ช่วยของโมเสสตั้งแต่โยชูวายังเป็นหนุ่ม
- กันดารวิถี 11:29 - แต่โมเสสพูดกับโยชูวาว่า “อิจฉาแทนเราหรือ เราอยากจะให้คนของพระยาห์เวห์ทุกคนตะโกนพระคำออกมาด้วยความยินดี เราอยากให้พระยาห์เวห์ใส่พระวิญญาณลงในตัวพวกเขา”
- กันดารวิถี 11:30 - แล้วโมเสสและผู้อาวุโสของอิสราเอลก็กลับเข้าค่าย
- กันดารวิถี 11:31 - มีลมพัดมาจากพระยาห์เวห์ และได้พาเอานกคุ่มมาจากทะเลมาตกกระจัดกระจายอยู่รอบค่าย มีนกคุ่มมากมายทั่วทุกทิศ มีระยะทางยาวเท่ากับคนเดินหนึ่งวัน และมันตกทับถมกันสูงถึงสองศอก
- กันดารวิถี 11:32 - ผู้คนต่างออกไปเก็บนกคุ่มพวกนั้นตลอดทั้งวันทั้งคืนไปจนกระทั่งถึงอีกวันหนึ่งเต็มๆ พวกเขาเก็บได้อย่างน้อยคนละสองพันสองร้อยลิตร พวกเขาตากนกคุ่มไปทั่วค่าย
- กันดารวิถี 11:33 - ในระหว่างที่เนื้อยังอยู่ระหว่างฟัน ยังไม่ทันกัดกินกันเลย พระยาห์เวห์ก็โกรธพวกเขา พระองค์ทำให้พวกเขาเป็นโรคระบาดอย่างร้ายแรง
- กันดารวิถี 11:34 - พวกเขาจึงตั้งชื่อสถานที่นั้นว่า ขิบโรท-หัทธาอาวาห์ เพราะที่นั่นพวกเขาได้ฝังศพของคนที่กระหายอยากกินเนื้อสัตว์
- กันดารวิถี 11:35 - ประชาชนออกเดินทางจากขิบโรท-หัทธาอาวาห์ไปถึงฮาเซโรท และพวกเขาก็พักอยู่ที่นั่น
- กันดารวิถี 14:1 - พวกประชาชนต่างโห่ร้องเสียงดังและในคืนนั้นพวกเขาก็ร้องห่มร้องไห้กัน
- กันดารวิถี 14:2 - ประชาชนชาวอิสราเอลทั้งหมดบ่นต่อว่าโมเสสและอาโรน พวกเขาทั้งหมดพูดกับโมเสสและอาโรนว่า “น่าจะปล่อยให้พวกเราตายในแผ่นดินอียิปต์หรือไม่ก็ทิ้งให้พวกเราตายในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนี้
- กันดารวิถี 14:3 - พระยาห์เวห์พาพวกเรามาที่แผ่นดินนี้ เพื่อมาล้มตายด้วยดาบทำไมกัน แล้วเมียและลูกๆของพวกเราก็จะถูกจับไป อย่างนี้พวกเรากลับไปอียิปต์ไม่ดีกว่าหรือ”
- กันดารวิถี 14:4 - พวกเขาพูดกันว่า “ให้พวกเราเลือกหัวหน้าคนใหม่ มานำพวกเรากลับไปอียิปต์กันดีกว่า”
- กันดารวิถี 14:5 - โมเสสและอาโรนก้มลงกับพื้น ต่อหน้าชาวอิสราเอลที่ชุมนุมกันอยู่ที่นั่น
- กันดารวิถี 14:6 - โยชูวาลูกชายของนูนและคาเลบลูกชายเยฟุนเนห์ สองคนนี้ที่ได้ไปสำรวจดินแดนแห่งนั้นด้วย ทั้งสองคนก็โกรธฉีกเสื้อผ้า ของตนออก
- กันดารวิถี 14:7 - ทั้งสองพูดกับชาวอิสราเอลที่ชุมนุมกันอยู่ว่า “แผ่นดินที่พวกเราเดินทางเข้าไปสำรวจนั้นเป็นแผ่นดินที่ดีมากจริงๆ
- กันดารวิถี 14:8 - ถ้าพระยาห์เวห์พอใจพวกเรา พระองค์จะนำพวกเราเข้าในแผ่นดินนั้น และพระองค์จะยกแผ่นดินนั้นให้กับพวกเรา เป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์
- กันดารวิถี 14:9 - ดังนั้น อย่าได้กบฏต่อพระยาห์เวห์เลย และไม่ต้องกลัวคนในแผ่นดินนั้นด้วย เพราะพวกมันเป็นเหยื่อของพวกเรา และสิ่งที่ป้องกันพวกมันก็ไม่มีแล้ว แต่พระยาห์เวห์อยู่กับพวกเรา อย่ากลัวพวกมันเลย”
- กันดารวิถี 14:10 - คนที่ชุมนุมกันนั้นขู่ว่าจะเอาหินขว้างเขาทั้งสอง แล้วรัศมีของพระยาห์เวห์ ก็ปรากฏขึ้นที่เต็นท์นัดพบ ต่อหน้าชาวอิสราเอลทั้งหมด
- กันดารวิถี 14:11 - พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “พวกนี้จะดูหมิ่นเราไปอีกนานแค่ไหน พวกเขาจะไม่ไว้ใจเราไปอีกนานแค่ไหน ทั้งๆที่เราได้แสดงการอัศจรรย์มากมายให้พวกเขาเห็นแล้ว
- กันดารวิถี 14:12 - เราจะให้เกิดโรคระบาดร้ายแรงกับพวกเขาและเราจะทำลายพวกเขา และเราจะทำให้เจ้าเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่และเข้มแข็งกว่าคนพวกนี้”
- กันดารวิถี 14:13 - โมเสสพูดกับพระยาห์เวห์ว่า “ถ้าพระองค์ทำอย่างนี้ ชาวอียิปต์จะได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะพระองค์ใช้ฤทธิ์อำนาจของพระองค์นำประชาชนเหล่านี้ออกมาจากท่ามกลางพวกเขา
- กันดารวิถี 14:14 - ชาวอียิปต์จะบอกกับคนที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินนี้ พวกเขาก็รู้อยู่แล้วว่าพระองค์ พระยาห์เวห์ ได้อยู่ท่ามกลางคนพวกนี้ และรู้อีกว่าพระองค์ พระยาห์เวห์ได้ปรากฏให้คนพวกนี้เห็นด้วยตาเปล่า พวกเขารู้ว่าเมฆของพระองค์อยู่เหนือคนพวกนี้ พวกเขาก็รู้ว่าในเวลากลางวัน พระองค์นำหน้าคนพวกนี้ในเสาเมฆ ส่วนในเวลากลางคืนพระองค์นำหน้าคนพวกนี้ในเสาไฟ
- กันดารวิถี 14:15 - ถ้าพระองค์ฆ่าคนพวกนี้ทั้งหมด ชนชาติทั้งหลายที่ได้ยินเกี่ยวกับพระองค์ก็จะพูดกันว่า
- กันดารวิถี 14:16 - ‘เป็นเพราะพระยาห์เวห์ไม่สามารถนำคนพวกนี้เข้าไปในแผ่นดินที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับพวกเขา พระองค์จึงฆ่าพวกเขาเสียในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง’
- กันดารวิถี 14:17 - ตอนนี้ขอให้ฤทธิ์อำนาจของพระยาห์เวห์ยิ่งใหญ่ เหมือนกับที่พระองค์ได้พูดไว้
- กันดารวิถี 14:18 - พระองค์พูดว่า ‘เรา ยาห์เวห์โกรธช้า แต่เรามีความรักยิ่งใหญ่ เราอภัยให้กับคนที่ทำบาปและแหกกฎ แต่เราจะไม่เว้นโทษให้ทั้งหมด เราจะลงโทษคนพวกนั้น รวมทั้งลูก หลาน เหลน ของเขาด้วย สำหรับความผิดบาปที่พวกเขาทำนั้น’
- กันดารวิถี 14:19 - ดังนั้น ได้โปรดให้อภัยบาปของคนพวกนี้ ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ เหมือนกับที่พระองค์ได้อภัยให้กับพวกเขาตั้งแต่ตอนที่พวกเขาออกจากอียิปต์มาจนถึงเดี๋ยวนี้”
- กันดารวิถี 14:20 - พระยาห์เวห์พูดว่า “เราจะอภัยให้ ตามที่เจ้าขอ
- กันดารวิถี 14:21 - เรามีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน และโลกทั้งใบนี้ปกคลุมด้วยรัศมีของพระยาห์เวห์อย่างแน่นอนขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า เราสัญญาว่า
- กันดารวิถี 14:22 - คนพวกนี้ทั้งหมดที่ได้เห็นรัศมีของเราและเหตุการณ์อันมหัศจรรย์ของเรา ที่เราได้ทำในอียิปต์และในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง และได้ลองดีกับเราถึงสิบครั้งและไม่เชื่อฟังเรา
- กันดารวิถี 14:23 - คนพวกนี้ทั้งหมดจะไม่ได้เห็นแผ่นดินที่เราได้สัญญาไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา รวมทั้งคนพวกนั้นทุกคนที่ไม่เคารพยำเกรงเรา จะไม่ได้เข้าไปในแผ่นดินนั้นด้วย
- กันดารวิถี 14:24 - แต่เพราะคาเลบผู้รับใช้เรา คิดแตกต่างจากคนพวกนั้น และติดตามเราทุกอย่าง เราจะนำเขาเข้าไปในแผ่นดินที่เขาเคยเข้าไปแล้ว และลูกหลานของเขาก็จะได้ครอบครองแผ่นดินนั้น
- กันดารวิถี 14:25 - ชาวอามาเลคและชาวคานาอันอาศัยอยู่ในหุบเขา ดังนั้นในวันพรุ่งนี้ ให้เดินทางกลับเข้าไปในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง โดยใช้เส้นทางที่มุ่งสู่ทะเลแดง”
- กันดารวิถี 14:26 - พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสและอาโรนว่า
- กันดารวิถี 14:27 - “ไอ้พวกชั่วช้านี้จะบ่นต่อว่าเราไปอีกนานแค่ไหน เราได้ยินเสียงบ่นของพวกชาวอิสราเอลที่บ่นต่อว่าเรา
- กันดารวิถี 14:28 - ให้บอกพวกมันว่า ‘พระยาห์เวห์บอกว่า “เรามีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า เราจะทำกับเจ้าเหมือนกับที่เจ้าได้บ่นใส่หูเรา
- กันดารวิถี 14:29 - พวกเจ้าจะตายในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนี้ พวกเจ้าทุกคนที่ได้นับไว้แล้ว ทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไปที่ได้บ่นต่อว่าเรา
- กันดารวิถี 14:30 - เจ้าจะไม่ได้เข้าไปในแผ่นดินที่เราได้สัญญาไว้ว่าจะให้เจ้าเข้าไปอยู่ ยกเว้นคาเลบลูกชายของเยฟุนเนห์และโยชูวาลูกชายของนูน
- กันดารวิถี 14:31 - และลูกๆของเจ้าที่เจ้าบอกว่าจะถูกจับตัวไป เราจะพาพวกเขาเข้าไปในแผ่นดินนั้น และพวกเขาจะรู้จักแผ่นดินที่พวกเจ้าปฏิเสธ
- กันดารวิถี 14:32 - แต่พวกเจ้าจะต้องตายอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนี้
- กันดารวิถี 14:33 - ลูกๆของพวกเจ้าจะเป็นคนเลี้ยงแกะในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งเป็นเวลาสี่สิบปี พวกเขาจะต้องทนทุกข์ทรมานเพราะความไม่ซื่อสัตย์ของพวกเจ้า จนกว่าพวกเจ้าจะตายกันหมดในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
- กันดารวิถี 14:34 - พวกเจ้าจะต้องทนทุกข์เพราะบาปของพวกเจ้าเป็นเวลาสี่สิบปี ซึ่งเท่ากับจำนวนสี่สิบวันที่พวกเจ้าเข้าไปสำรวจแผ่นดินนั้น หนึ่งปีต่อหนึ่งวัน แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าเมื่อเราขัดขวางเจ้านั้น มันจะเป็นอย่างไร”’
- กันดารวิถี 14:35 - เรา ยาห์เวห์ ได้พูดไว้แล้วว่า เราจะทำอย่างนี้กับไอ้พวกชั่วช้านี้ทุกคน ที่ได้มาชุมนุมกันต่อต้านเรา พวกมันทุกคนจะต้องตายในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนี้”
- กันดารวิถี 14:36 - พวกผู้ชายที่โมเสสส่งเข้าไปสำรวจแผ่นดินนั้น ได้กลับมา และรายงานเกี่ยวกับแผ่นดินนั้นอย่างเสียๆหายๆทำให้ผู้คนทั้งหมดบ่นต่อว่าพระยาห์เวห์
- กันดารวิถี 14:37 - พระยาห์เวห์ได้ทำให้ผู้ชายพวกนี้ที่ได้รายงานเกี่ยวกับแผ่นดินนั้นอย่างเสียๆหายๆตายหมดด้วยโรคระบาด
- กันดารวิถี 14:38 - ผู้ชายทั้งหมดที่เข้าไปสำรวจแผ่นดินนั้น มีแต่โยชูวาลูกชายของนูนและคาเลบลูกชายเยฟุนเนห์เท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่
- กันดารวิถี 14:39 - เมื่อโมเสสบอกเรื่องนี้กับชาวอิสราเอลทุกคน พวกเขาเศร้าโศกเสียใจมาก
- กันดารวิถี 14:40 - วันต่อมา พวกเขาตื่นแต่เช้าตรู่ และเริ่มตรงไปที่ยอดเนินเขานั้น พวกเขาพูดว่า “เราอยู่ที่นี่แล้ว พวกเราจะขึ้นไปยังสถานที่ที่พระยาห์เวห์ได้สัญญาไว้ เพราะพวกเราได้ทำบาปไปแล้ว”
- กันดารวิถี 14:41 - โมเสสจึงพูดว่า “ตอนนี้ทำไมพวกท่านถึงขัดคำสั่งของพระยาห์เวห์ มันจะไม่สำเร็จหรอก
- กันดารวิถี 14:42 - อย่าขึ้นไปเลย พวกท่านจะได้ไม่ถูกฟาดฟันจนพ่ายแพ้ต่อหน้าศัตรู เพราะพระยาห์เวห์ไม่ได้อยู่ท่ามกลางพวกท่าน
- กันดารวิถี 14:43 - เพราะพวกชาวอามาเลคและชาวคานาอันจะต่อสู้กับท่านที่นั่น และพวกท่านจะถูกฆ่าฟันล้มลง เพราะพวกท่านได้หันไปจากพระยาห์เวห์ และพระยาห์เวห์ก็จะไม่อยู่กับพวกท่าน”
- กันดารวิถี 14:44 - แต่พวกเขายังคงดื้อดึง ขึ้นไปบนยอดเนินเขานั้น แม้ว่าหีบศักดิ์สิทธิ์ที่ใส่ข้อตกลงของพระยาห์เวห์ และโมเสสยังไม่ได้ออกไปจากค่าย
- กันดารวิถี 14:45 - ชาวอามาเลคและชาวคานาอันที่อาศัยอยู่แถบเนินเขานั้นต่างกรูกันลงมา และเข้าโจมตีพวกชาวอิสราเอลจนแตกกระเจิงไปถึงโฮรมาห์
- อพยพ 16:1 - พวกเขาเดินทางจากเอลิม และที่ชุมนุมทั้งหมดของอิสราเอลได้เดินทางมาถึงที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งสีน ซึ่งอยู่ระหว่างตำบลเอลิมและภูเขาซีนาย ในวันที่สิบห้าของเดือนที่สอง หลังจากที่พวกเขาออกจากประเทศอียิปต์มา
- อพยพ 16:2 - ที่ชุมนุมทั้งหมดของอิสราเอล บ่นต่อว่าโมเสสกับอาโรนในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
- อพยพ 16:3 - พวกเขาบอกกับทั้งสองคนว่า “ให้มือของพระยาห์เวห์ฆ่าพวกเราตอนที่นั่งอยู่ข้างหม้อเนื้อ และกินจนอิ่มหนำในแผ่นดินอียิปต์ ยังจะดีกว่าที่พวกท่านนำชุมชนทั้งหมดนี้ออกมาอดตายในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนี้”
- อพยพ 16:4 - พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “เรากำลังจะทำให้อาหารตกลงมาจากท้องฟ้า ในแต่ละวันให้ประชาชนออกไปเก็บอาหารนี้ได้ เก็บให้พอกินสำหรับวันหนึ่งๆเท่านั้น เพราะเราจะทดสอบดูว่า พวกเขาจะเชื่อฟังกฏของเราหรือไม่
- อพยพ 16:5 - ในวันที่หกเมื่อพวกเขาเตรียมอาหารที่พวกเขาเก็บมา อาหารนั้นจะมีมากขึ้นเป็นสองเท่าของอาหารที่พวกเขาเก็บมาในแต่ละวัน”
- อพยพ 16:6 - โมเสสและอาโรนจึงพูดกับประชาชนชาวอิสราเอลทั้งหมดว่า “เย็นนี้พวกท่านจะได้รู้ว่า พระยาห์เวห์ได้นำพวกท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์ และในตอนเช้าพวกท่านจะเห็นรัศมีของพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ได้ยินเสียงบ่นของพวกท่าน ที่บ่นต่อว่าพระองค์แล้ว
- อพยพ 16:7 - ส่วนเราสองคนเป็นใครกัน พวกท่านถึงได้มาบ่นต่อว่าเรา”
- อพยพ 16:8 - โมเสสพูดว่า “เพราะพระยาห์เวห์ได้ยินเสียงบ่นของพวกท่าน ที่ท่านบ่นต่อว่าพระองค์ ดังนั้นเย็นนี้ พระองค์จะส่งเนื้อมาให้กิน ส่วนพรุ่งนี้ พระองค์จะส่งขนมปังมาให้จนท่านอิ่ม ส่วนเราสองคนเป็นใครกัน พวกท่านถึงได้มาบ่นต่อว่าเรา พวกท่านไม่ได้บ่นต่อว่าเราหรอกนะ แต่บ่นต่อว่าพระยาห์เวห์ต่างหาก”
- อพยพ 16:9 - โมเสสพูดกับอาโรนว่า “ให้บอกกับที่ชุมนุมของชาวอิสราเอลทั้งหมดว่า ให้เข้ามาใกล้พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ได้ยินเสียงบ่นของพวกเจ้าแล้ว”
- อพยพ 16:10 - เมื่ออาโรนพูดกับที่ชุมนุมของชาวอิสราเอลทั้งหมด พวกเขาก็หันหลังไปทางที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง และเห็นรัศมีของพระยาห์เวห์ปรากฏอยู่ในเมฆ
- อพยพ 16:11 - พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า
- อพยพ 16:12 - “เราได้ยินเสียงบ่นของประชาชนชาวอิสราเอลแล้ว ให้บอกกับพวกเขาว่า ‘ในตอนเย็น พวกเจ้าจะได้กินเนื้อและในตอนเช้าพวกเจ้าจะได้กินอาหารจนอิ่ม เพื่อเจ้าจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเจ้า’”
- อพยพ 16:13 - ในตอนเย็นฝูงนกคุ่มบินมาปกคลุมค่าย ในตอนเช้ามีน้ำค้างเกาะอยู่รอบๆค่าย
- อพยพ 16:14 - เมื่อน้ำค้างหายไปก็มีเกล็ดบางๆอยู่บนพื้นผิวที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง มันละเอียดเหมือนเกล็ดน้ำแข็งอยู่บนพื้น
- อพยพ 16:15 - เมื่อประชาชนชาวอิสราเอลเห็น พวกเขาก็ถามกันว่า “นี่อะไร” เพราะพวกเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร โมเสสจึงพูดกับพวกเขาว่า “มันคืออาหารที่พระยาห์เวห์ให้กับพวกท่านกิน”
- อพยพ 16:16 - พระยาห์เวห์สั่งไว้อย่างนี้ว่า “ให้แต่ละคนเก็บเท่าที่ตัวเองจะกินได้ และให้เก็บเผื่อคนที่อยู่ในเต็นท์ของเขาด้วย โดยเก็บให้คนละหนึ่งโอเมอร์”
- อพยพ 16:17 - ลูกหลานชาวอิสราเอลก็ทำตามนั้น บางคนก็เก็บมาก บางคนก็เก็บน้อย
- ฮีบรู 8:9 - ซึ่งจะไม่เหมือนกับคำสัญญา ที่เราเคยทำไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา ตอนที่เราจูงมือพวกเขาออกมาจากประเทศอียิปต์ เพราะพวกเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อคำสัญญาของเราอีกต่อไป เราจึงหันหลังไม่สนใจพวกเขา’ องค์เจ้าชีวิตพูดอย่างนี้แหละ
- สดุดี 78:42 - พวกเขาไม่เคยจดจำฤทธิ์อำนาจของพระองค์ หรือจดจำวันที่พระองค์ช่วยกู้พวกเขาให้รอดพ้นจากศัตรู
- สดุดี 78:43 - หรือเวลาที่พระองค์ได้ทำการอัศจรรย์ในประเทศอียิปต์ หรือที่พระองค์ได้แสดงสิ่งน่าทึ่งต่างๆในแคว้นโศอัน
- สดุดี 78:44 - พระองค์เปลี่ยนแม่น้ำให้กลายเป็นเลือด พวกเขาจึงไม่สามารถดื่มน้ำจากลำธารได้
- สดุดี 78:45 - พระองค์ให้เหลือบมากัดพวกเขา และส่งกบทั้งหลายมาทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง
- สดุดี 78:46 - พระองค์ยกพืชผลของพวกเขาให้กับตั๊กแตนวัยคลาน และยกผลผลิตของพวกเขาให้กับตั๊กแตนวัยบิน
- สดุดี 78:47 - พระองค์ทำให้ลูกเห็บตกลงมาทำลายเถาองุ่นของชาวอียิปต์ พระองค์ทำให้ฝนตกห่าใหญ่ทำลายผลมะเดื่อของพวกเขา
- สดุดี 78:48 - พระองค์ส่งลูกเห็บลงมาฆ่าฝูงวัวของพวกเขา และให้ฟ้าผ่าฝูงสัตว์ของเขา
- สดุดี 78:49 - พระองค์แสดงความเคืองแค้นอันร้อนแรงของพระองค์ต่อชนชาวอียิปต์ พระองค์ส่ง ความเกรี้ยวโกรธ ความเดือดดาล และความอาฆาตแค้นเป็นคณะทูตมาทำลายล้างพวกเขา
- สดุดี 78:50 - พระองค์ระบายความโกรธของพระองค์ออกมาอย่างเต็มที่ พระองค์ไม่ได้ไว้ชีวิตของชาวอียิปต์แต่กลับยกพวกเขาให้ตายด้วยโรคระบาด
- สดุดี 78:51 - พระเจ้าฆ่าลูกชายหัวปีทั้งหมดในอียิปต์ พระองค์ทำลายสิ่งที่พิสูจน์ถึงความเป็นชายของครอบครัวทั้งหลายของฮาม
- อพยพ 15:23 - เมื่อพวกเขามาถึงตำบลมาราห์ พวกเขาก็ไม่สามารถดื่มน้ำจากตำบลมาราห์ได้ เพราะมันขม นั่นเป็นเหตุให้ที่แห่งนั้นมีชื่อว่ามาราห์
- อพยพ 15:24 - ประชาชนบ่นกับโมเสสว่า “พวกเราจะเอาอะไรมาดื่มกัน”
- อพยพ 15:25 - โมเสสจึงร้องวิงวอนต่อพระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์ชี้ให้โมเสสเห็นต้นไม้ต้นหนึ่ง โมเสสโยนต้นไม้ต้นนั้นลงในน้ำ น้ำก็หวานสามารถดื่มได้
- สดุดี 106:8 - แต่พระองค์ก็ยังช่วยเหลือพวกเขาเพื่อเห็นแก่หน้าของพระองค์เอง และเพื่อแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
- สดุดี 106:9 - เมื่อพระองค์ตะโกนใส่ทะเลแดง ทะเลแดงก็เหือดแห้งไป และพระองค์ก็นำพวกเขาเดินผ่านทะเลลึกเหมือนเดินผ่านทะเลทราย
- สดุดี 106:10 - พระองค์ช่วยพวกเขาให้พ้นจากคนที่เกลียดชังพวกเขา พระองค์ไถ่พวกเขาให้เป็นอิสระจากศัตรูของพวกเขา
- สดุดี 106:11 - แล้วพระองค์ก็ทำให้น้ำกลบท่วมศัตรูของพวกเขา ไม่มีใครรอดสักคนเดียว
- เฉลยธรรมบัญญัติ 8:4 - เสื้อผ้าของท่านก็ไม่ขาด เท้าของท่านก็ไม่บวมตลอดสี่สิบปีนี้
- เนหะมียาห์ 9:18 - ถึงแม้พวกบรรพบุรุษของพวกเราจะหล่อโลหะรูปลูกวัวขึ้นมาสำหรับพวกเขาเอง และบอกว่า ‘นี่คือพระเจ้าของเจ้าที่นำเจ้าออกมาจากอียิปต์’ ถึงแม้การกระทำนี้จะดูหมิ่นพระองค์อย่างยิ่ง
- เนหะมียาห์ 9:19 - แต่พระองค์เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา พระองค์ก็เลยไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขาไว้ในทะเลทราย เสาเมฆไม่ได้หยุดนำทางพวกเขาในการเดินทางตอนกลางวันและเสาไฟในตอนกลางคืน ก็ไม่ได้หยุดส่องแสงให้กับพวกเขาในทางที่พวกเขาควรจะไป
- เนหะมียาห์ 9:20 - พระองค์ได้ให้พระวิญญาณอันดีของพระองค์เพื่อสอนพวกเขา พระองค์ไม่ได้เอาอาหารทิพย์ ไปจากปากของพวกเขา และพระองค์ได้ให้น้ำเพื่อดับกระหายกับพวกเขา
- เนหะมียาห์ 9:21 - พระองค์ดูแลพวกเขาเป็นเวลาสี่สิบปีในทะเลทราย โดยที่พวกเขาไม่ขาดอะไรเลย เสื้อผ้าของพวกเขาก็ไม่ฉีกขาด และเท้าของเขาก็ไม่บวม
- เนหะมียาห์ 9:22 - พระองค์มอบอาณาจักรต่างๆและชนชาติต่างๆให้กับพวกเขา พระองค์ได้ให้แผ่นดินเหล่านี้กลายเป็นแนวชายแดนให้กับพวกเขา พวกเขาได้ยึดครองแผ่นดินของกษัตริย์สิโหนแห่งเมืองเฮชโบน และแผ่นดินของกษัตริย์โอกแห่งแคว้นบาชาน
- เฉลยธรรมบัญญัติ 4:33 - เคยมีชนชาติไหนบ้างที่ได้ยินเสียงพระเจ้าพูดออกมาจากเปลวไฟเหมือนที่ท่านได้ยิน แล้วยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
- เฉลยธรรมบัญญัติ 4:34 - หรือเคยมีพระองค์ไหนบ้าง ที่พยายามเอาชนชาติหนึ่งออกมาจากอีกชนชาติหนึ่ง เพื่อมาเป็นของพระองค์เอง พระองค์ใช้การทดลองต่างๆ เหตุการณ์พิเศษต่างๆ การอัศจรรย์ต่างๆ รวมทั้งสงคราม มือที่เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจ และแขนอันแข็งแกร่งที่ยื่นออก และการกระทำที่น่ากลัวต่างๆ พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทำสิ่งต่างๆเหล่านี้เพื่อท่าน และทำต่อหน้าต่อตาพวกท่านในประเทศอียิปต์
- เฉลยธรรมบัญญัติ 4:35 - พระองค์ทำอย่างนี้ให้ท่านเห็น เพื่อท่านจะได้รู้ว่าพระองค์คือพระเจ้าที่แท้จริง และไม่มีพระเจ้าอื่นอีกแล้วนอกจากพระองค์
- เฉลยธรรมบัญญัติ 4:36 - พระองค์ทำให้ท่านได้ยินเสียงของพระองค์จากสวรรค์เพื่อจะสั่งสอนท่าน และในโลกนี้ พระองค์ก็ทำให้ท่านเห็นไฟที่ยิ่งใหญ่ และท่านก็ได้ยินเสียงของพระองค์ออกมาจากท่ามกลางไฟนั้น
- เฉลยธรรมบัญญัติ 4:37 - เพราะพระองค์รักบรรพบุรุษของท่าน พระองค์ถึงได้เลือกพวกท่านลูกหลานของพวกเขา และพระองค์เองที่นำท่านออกจากอียิปต์ด้วยความแข็งแกร่งอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
- อพยพ 14:27 - โมเสสจึงยื่นมือของเขาออกไปเหนือทะเล และในตอนเช้า น้ำได้ไหลกลับคืนมาตามทางของมัน ชาวอียิปต์ต่างพากันหนีกระแสน้ำ พระยาห์เวห์ได้กวาดชาวอียิปต์ลงสู่ทะเล
- อพยพ 14:28 - น้ำได้ไหลกลับคืนมาท่วมพวกรถรบ และทหารม้าในกองทัพของฟาโรห์ ที่ไล่ตามพวกเขาลงไปในทะเล ไม่มีใครรอดชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว
- อพยพ 14:29 - แต่ประชาชนชาวอิสราเอลกลับเดินบนพื้นดินแห้งกลางทะเล น้ำตั้งขึ้นเป็นกำแพงทั้งซ้ายขวาให้กับพวกเขา
- สดุดี 105:27 - พระองค์ให้สองคนนี้ทำการอัศจรรย์ต่างๆของพระองค์ให้ชนชาติของพระองค์เห็น พวกเขาทำสิ่งที่น่าทึ่งต่างๆในดินแดนของฮาม
- สดุดี 105:28 - พระองค์ส่งความมืดทึบลงมา แต่ชาวอียิปต์ก็ไม่ยอมฟังพระองค์
- สดุดี 105:29 - พระองค์ทำให้น้ำของพวกเขากลายเป็นเลือด และฆ่าพวกปลาของพวกเขา
- สดุดี 105:30 - แผ่นดินของพวกเขามีฝูงกบเต็มไปหมด ไม่เว้นแม้แต่พวกห้องส่วนตัวของกษัตริย์
- สดุดี 105:31 - เมื่อพระองค์ออกคำสั่ง ฝูงเหลือบก็มา ฝูงริ้นก็รุกล้ำเข้ามาทั่วแผ่นดิน
- สดุดี 105:32 - พระองค์ทำให้ฝนของพวกเขากลายเป็นลูกเห็บ และทำให้เกิดสายฟ้าแลบในแผ่นดินของเขา
- สดุดี 105:33 - พระองค์ทำลายไร่องุ่น และต้นมะเดื่อ พระองค์ทำให้ต้นไม้แตกเป็นเสี่ยงๆไปทั่วเขตแดนของพวกเขา
- สดุดี 105:34 - เมื่อพระองค์ออกคำสั่ง พวกตั๊กแตนวัยบินและตั๊กแตนวัยกระโดด ก็กรูกันเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดิน
- สดุดี 105:35 - พวกตั๊กแตนกินพืชผักทั้งหมดในแผ่นดินของพวกเขา และกินพืชผลทั้งหลายจากดินเสียสิ้น
- สดุดี 105:36 - แล้วจากนั้น พระองค์ก็ฆ่าลูกชายหัวปีของพวกเขาทั้งหมดในแผ่นดินของพวกเขา ลูกที่พิสูจน์ถึงความเป็นชายของพ่อ
- อพยพ 7:1 - พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “เห็นไหมว่า เราได้ตั้งให้เจ้าเป็นเหมือนพระเจ้าสำหรับฟาโรห์ และอาโรนพี่ชายของเจ้าก็จะเป็นเหมือนผู้พูดแทนพระเจ้าให้กับเจ้า
- อพยพ 7:2 - เจ้าจะพูดทุกอย่างที่เราได้สั่งเจ้า อาโรนพี่ชายเจ้าก็จะพูดกับฟาโรห์ แล้วฟาโรห์ก็จะปล่อยลูกหลานของอิสราเอลจากแผ่นดินของเขา
- อพยพ 7:3 - แต่เราจะทำให้จิตใจของฟาโรห์แข็งกระด้าง และเราจะเพิ่มสิ่งบอกเหตุต่างๆและสิ่งอัศจรรย์ให้มากขึ้นในแผ่นดินอียิปต์
- อพยพ 7:4 - แต่ฟาโรห์จะไม่ยอมฟังพวกเจ้า ดังนั้นเราจะวางมือของเราต่อต้านอียิปต์ เราจะพากองทัพของเรา และคนของเรา คือลูกหลานชาวอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์ ด้วยการลงโทษอันยิ่งใหญ่ต่างๆ
- อพยพ 7:5 - แล้วชาวอียิปต์จะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์ เมื่อเรายื่นมือของเราออกมาต่อต้านอียิปต์ และพาลูกหลานของอิสราเอลออกมาจากท่ามกลางพวกเขา”
- อพยพ 7:6 - โมเสสและอาโรนได้ทำตามทุกอย่างที่พระยาห์เวห์สั่งพวกเขา
- อพยพ 7:7 - ตอนที่พวกเขาพูดกับฟาโรห์นั้น โมเสสมีอายุแปดสิบปี อาโรนมีอายุแปดสิบสามปี
- อพยพ 7:8 - พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสและอาโรนว่า
- อพยพ 7:9 - “เมื่อฟาโรห์พูดกับพวกเจ้าว่า ‘แสดงสิ่งมหัศจรรย์ให้ดูสิ’ ก็ให้เจ้าบอกกับอาโรนว่า ‘เอาไม้เท้าของท่านโยนลงบนพื้นต่อหน้าฟาโรห์ แล้วมันจะกลายเป็นงู’”
- อพยพ 7:10 - โมเสสและอาโรนจึงไปหาฟาโรห์ และทำตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งพวกเขาไว้ อาโรนโยนไม้เท้าของเขาลงต่อหน้าฟาโรห์และพวกข้าราชการชั้นสูงของเขา มันก็กลายเป็นงู
- อพยพ 7:11 - แต่ฟาโรห์ได้เรียกเหล่าผู้รู้ พวกพ่อมด และพวกพระที่มีเวทมนตร์คาถาของอียิปต์ ให้ใช้เวทมนตร์ของพวกเขา ทำอย่างเดียวกับที่อาโรนทำ
- อพยพ 7:12 - พวกเขาแต่ละคนก็โยนไม้เท้าของพวกเขาลง แล้วไม้เท้าของพวกเขาก็กลายเป็นงู แต่ไม้เท้าของอาโรนกลืนไม้เท้าของพวกเขาทั้งหมด
- อพยพ 7:13 - แต่จิตใจของฟาโรห์ก็ยังคงแข็งกระด้าง และไม่ยอมฟังโมเสสและอาโรน เหมือนกับที่พระยาห์เวห์พูดไว้
- อพยพ 7:14 - พระยาห์เวห์บอกกับโมเสสว่า “จิตใจของฟาโรห์นั้นแข็งกระด้าง เขาไม่ยอมปล่อยประชาชนอิสราเอล
- อพยพ 16:35 - ประชาชนชาวอิสราเอลได้กินมานาถึงสี่สิบปี จนพวกเขามาถึงแผ่นดินที่อาศัยอยู่ได้ พวกเขากินมานา มาจนกระทั่งมาถึงเขตแดนของแผ่นดินคานาอัน
- อพยพ 14:21 - โมเสสได้ยื่นมือเขาออกไปเหนือทะเล แล้วพระยาห์เวห์ได้ทำให้น้ำทะเลไหลกลับ ด้วยลมที่พัดอย่างแรงมาจากทางทิศตะวันออก พัดอยู่ตลอดทั้งคืน จนทำให้ทะเลเกิดเป็นพื้นดินแห้งขึ้น พระองค์ได้แยกน้ำออกจากกัน
- อพยพ 33:1 - พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ไปจากที่นี่ ทั้งเจ้าและประชาชนที่เจ้าได้พาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ ไปยังแผ่นดินที่เราได้สาบานไว้กับอับราฮัม อิสอัคและยาโคบว่า ‘เราจะยกแผ่นดินนั้นให้กับลูกหลานของเจ้า’
- อพยพ 12:41 - หลังจากสี่ร้อยสามสิบปีในวันนั้นเอง กองทัพของพระยาห์เวห์ ก็ได้ออกจากแผ่นดินอียิปต์